เปิดคลองสุเอซ! หลัง จนท. กู้เรือ ‘เอฟเวอร์กีฟเวน’ สำเร็จ

เปิดคลองสุเอซ! หลัง จนท. กู้เรือ ‘เอฟเวอร์กีฟเวน’ สำเร็จ

เจ้าหน้าที่ทำการ เปิดคลองสุเอซ อีกครั้ง หลังจากที่สามารถกู้เรือ เอฟเวอร์กีฟเวน ให้กลับมาลอยน้ำได้อีกครั้ง หลังปิดเส้นทางนานสัปดาห์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า คลองสุเอซ สามารถกลับมาเปิดเส้นทางการเดินเรือได้อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหวูดเฉลิมฉลองของเรือลาก หลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถกู้เรือ เอฟเวอร์กีฟเวน (Evergiven) เรือขนาดใหญ่ที่เกยตื้นและปิดกั้นเส้นทางการค้าขายของคลองสุเอซนานนับสัปดาห์

โดยนาย ปีเตอร์ เบอร์โดสกี ประธานกรรมการบริหารของบริษัทกู้เรือในประเทศเนเธอร์แลนด์ 

ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเจ้าหน้าที่สามารถกู้เรือจากบริษัท เอฟเวอร์กรีน (Evergreen) ได้ในช่วงเลาประมาณ 13.05 น. ตามเวลาประเทศอียิปต์ และทำให้เรือสามารถสัญจรผ่านคลองสุเอซได้อีกครั้ง

ซึ่งในขณะนี้มีรายงานว่า ยังมีเรือหลายร้อยลำที่รอเดินทางผ่านคลองสุเอซ ซึ่งเชื่อมกับทะเลแดงและเมดิเตอร์เรเนียน

แม้ว่าการสัญจรจะกลับมาปกติแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้นน่าจะใช้เวลานานหลายสัปดาห์ หรือ อาจจะนานหลายเดือนถึงจะฟื้นฟูได้ ขณะนี้เรือเอฟเวอร์กีฟเวนกำลังมุ่งหน้าไปยังทางตอนเหนือ หรือ เกรท บิทเทอร์ เลค ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบว่าการเกยตื้นในครั้งนี้เกิดจากความขัดข้องของเครื่องยนต์หรือไม่ ด้านลูกเรือ 25 คนปลอดภัยทั้งหมด

นักวิทยาศาสตร์ในประเทศ อินเดีย ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาพบ โควิดกลายพันธุ์คู่ ในเชื้อไวรัส ทางการเร่งสืบความรุนแรงและอัตราการแพร่เชื้อ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า สมาคมศึกษาจีโนมเชื้อจากโรคโควิดในอินเดียเปิดเผยว่าพวกเขาพบ โควิดกลายพันธุ์คู่ (Double Mutation) หรือ การเปลี่ยนแปลงสองตำแหน่งในรหัสพันธุกรรมของไวรัสตัวเดียว ในกลุ่มผู้ป่วยราวๆ 771 ราย จากกลุ่มกลุ่มตัวอย่าง 10,787 ราย ใน 18 รัฐทั่วประเทศอินเดีย

ซึ่งจากการตรวจสอบจำนวนดังกล่าว เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ 736 ราย ตามด้วยไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ 34 ราย และไวรัสกลายพันธุ์จากบราซิล 1 ราย

โดยนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการกลายพันธุ์คู่นั้นส่งผลให้เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวโปรตีน (Spike Protein) ง่ายขึ้น และผ่านตัวรับบนผิวเซลล์ไปพร้อมๆ กัน โดยมันถูกพบครั้งแรกที่เมืองนาคปุระ รัฐมหาราษฏระ เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และตอนนี้พบว่ามีอยู่ประมาณร้อยละ 20 ของจำนวนผู้ป่วยในรัฐดังกล่าว

ขณะนี้ทางการกำลังตรวจสอบว่า การกลายพันธุ์คู่ สามารถส่งผลให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายเร็วขึ้น หรือ ส่งผลให้ศักยภาพของวัคซีนป้องกันโควิดลดลงหรือไม่ นอกจากจะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าไวรัสที่มาจากการกลายพันธุ์คู่อันตรายกับผู้ป่วยเมื่อเทียบกับไวรัสทั่วๆไป อย่างไรก็ตามทางการยืนยันว่าการค้นพบครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับยอดผู้ป่วยที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้

‘มินอ่องหล่าย’ จัดงานเลี้ยง ท่ามกลางผู้ชุมนุมเมียนมาตายนับร้อย

มินอ่องหล่าย ผู้นำกองทัพสูงสุดพม่า จัดงานเลี้ยง เฉลิมฉลองวันกองทัพ ท่ามกลางประชาชนนับร้อยที่ถูกกองทัพสังหารอย่างโหดเหี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

รัฐประหารเมียนมา – เมื่อวันที่ 29 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภารัฐประหารของประเทศเมียนมา และนายพลได้ร่วมจัดงานเลี้ยง เพื่อเฉลิมฉลองวันกองทัพเมียนมา แม้ว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีประชาชนถูกสังหารทั่วประเทศกว่าร้อยศพก็ตาม

โดยภาพที่ปรากฏบนสื่อท้องถิ่นแสดงให้เห็นว่า มินอ่องหล่าย ได้สวมชุดสีขาวพร้อมผูกโบว์สีดำ เดินบนพรหมแดง พร้อมทักทายผู้ร่วมงานด้วบใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จากภาพดังกล่าวได้สร้างความไม่พร้อมใจให้กับประชาชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก

ซึ่งวันกองทัพเมียนมา ถือเป็นวันที่เฉลิมฉลอง กองทัพที่ร่วมการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่เข้าปกครองประเทศในช่วงปี 2488 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่ากองทัพได้ทำการสังหารประชาชนมากกว่า 100 ศพ ซึ่งประชาชนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทั้งในการชุมนุม และในบางส่วนที่บ้านพักของตนเอง และทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุ 400 ศพ นับตั้งแต่การชุมนุมที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ชุมนุมประท้วงในประเทศเมียนมา ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่องและลากยาวไปสัปดาห์ที่ 7 หลังจากที่ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ได้ยึดอำนาจ พร้อมจับกุมนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ซึ่งพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมารับปาก จะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจ 1 ปีตามที่ประกาศเอาไว้

Bergom ได้ให้การปฏิเสธถึงการกระทำดังกล่าวในการไต่สวนชั้นต้น และจะถูกศาลไต่สวนภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ซึ่งถ้าหากพบ หรือได้รับการตัดสินว่ามีความผิดจริงแล้วนั้น เธอจะได้รับโทษจำคุกถึง 6 ปี ด้วยกัน

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น